รางวัลชมเชยการประกวดเรียงความ หัวข้อ ฉันจะทำชีวิตให้ชัดเจน แม้จะอยู่ในโลกแห่งความเลือนราง
- kankankannoeyy8
- 11 ต.ค. 2564
- ยาว 1 นาที
โครงการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้เนื่องในโอกาสจัดตั้งวันคนสายตาเลือนราง ประจำปี ๒๕๖๔
ประเภทสายตาเลือนรางได้แก่ นายปภังกร กรฤตนิรโมกษ์

“ฉันจะทำชีวิตให้ชัดเจน แม้จะอยู่ในโลกแห่งความเลือนราง”
ชีวิตที่ชัดเจน ในการเกิดเป็นมนุษย์คือการเป็นบุคคลที่มีคุณค่าในตนเอง มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ในความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับผู้อื่น มีปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตตามวิถีทางของตน สามารถดูแลและช่วยเหลือตนเองได้ ไม่เป็นบุคคลที่ทำให้ผู้อื่น สังคม หรือประเทศชาติเดือดร้อนเสียหาย รวมทั้งสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกได้ตามศักยภาพที่ตนมี ความชัดเจนในชีวิต ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าเราไม่มีเป้าหมาย ไม่มีทิศทาง ให้กับชีวิตของเราเอง การปล่อยชีวิตให้ผ่านไปตามแต่โชคชะตากำหนด จะไม่เป็นผลดีต่อชีวิตของบุคคลใด เราควรถามตนเองว่าสามารถทำชีวิตให้ดีขึ้นได้ด้วยวิธีไหนบ้างที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เมื่อตอบตนเองได้แล้วควรวางเป้าหมาย ทิศทาง แนวทาง กำหนดระยะเวลาในการทำตามเป้าหมายที่เราวางไว้และลงมือปฏิบัติให้เต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ อย่าย่อท้อแม้จะมีอุปสรรคบ้าง เมื่อทำได้เช่นนี้แล้วหนทางแห่งความสำเร็จในชีวิตย่อมไม่ไกลเกินไป
ความสำเร็จในชีวิตของบุคคลปกติทั่วไปอาจเกิดขึ้นได้ไม่ยากนัก ถ้าบุคคลนั้น มีความชัดเจนในเป้าหมายชีวิตของตน และมีความมุ่งมั่นความพยายามที่มากพอ แต่ความสำเร็จในชีวิต อาจเป็นสิ่งยากของบุคคลที่มองเห็นโลกใบนี้ได้อย่างเลือนราง คำว่า “ผู้มีสายตาเลือนราง” หมายถึง ผู้ซึ่งมีการสูญเสียการมองเห็นบางส่วน โดยอาจมีลักษณะของการมองเห็นภาพพร่ามัวอย่างถาวร มองไม่เห็นตรงกลางภาพ เหมือนมีอะไรมาบัง หรืออาจจะมองเห็นแต่เฉพาะตรงกลางไม่เห็นภาพด้านข้างเช่นคนปกติผู้มีอาการเหล่านี้ เมื่อมองจากภายนอกจะไม่ทราบเลยว่าผู้นั้นมีอาการสายตาเลือนราง อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยอาจมีสาเหตุจากพันธุกรรม การเป็นต้อกระจก ต้อหิน เบาหวาน จอประสาทตาเสื่อม กระจกตาอักเสบเรื้อรัง หรือเกิดจากอุบัติเหตุ รวมถึงบางโรค ซึ่งมีผลกระทบต่อการมองเห็น อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นผู้มีสายตาเลือนรางที่เกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากต้อหิน ต้อกระจก เบาหวาน หากคนกลุ่มนี้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไม่เคยได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ ปฏิบัติตนไม่ถูกต้องมีโอกาสกลายเป็นอีกกลุ่มเสี่ยงที่อาการอาจลุกลามถึงขั้นตาพร่ามั่วจนมองไม่เห็นในที่สุด (ไทยรัฐออนไลน์, 23 มีนาคม 2556 www.thairath.co.th/content/334075)
บุคคลที่มีภาวะสายตาเลือนรางมองโดยผิวเผินอาจคล้ายคนปกติ แต่ในความเป็นจริงคนเหล่านี้มีความยากลำบากหลายอย่างในการดำเนินชีวิตเช่นการเดินทางไปในที่ต่างๆ การข้ามถนนที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน หรือไม่สามารถขับขี่พาหนะได้ด้วยตนเอง การทำงานบางอย่างก็มีผลเสียต่อสายตาเพิ่มมากขึ้น เช่นหมอนวดแผนไทย คนสายตาเลือนรางไม่สามารถทำงานนวดได้หนักหน่วงหรือใช้แรง ได้เท่าคนปกติเพราะมีผลกระทบต่อความดันตาอาจส่งผลถึงตาบอดในอนาคตได้ หรือไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียมในการได้รับเลือกเข้าทำงานเทียบเท่าบุคคลปกติ แม้จะมีความสามารถตรงตามสายงาน คนสายตาเลือนรางแม้จะมีข้อด้อยในการใช้ชีวิตมากกว่าคนปกติ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านี้ จะไม่สามารถทำชีวิตของตนให้ดีงามหรือทำชีวิตให้ประสบความสำเร็จเช่นบุคคลปกติทั่วไปไม่ได้ สิ่งที่คนสายตาเลือนรางควรทำคือการให้กำลังแรงใจแก่คนเอง ไม่ยอมให้สภาวะที่ตนเป็นอันเกิดจากการมองไม่ชัดเจน มาทำให้เกิดความท้อแท้ สิ้นหวัง หรือหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต ควรลุกขึ้นมาต่อสู้ มาสร้างความฝันที่สามารถทำให้เป็นจริงได้โดยการวางเป้าหมายแห่งความสำเร็จในชีวิตเช่นเดียวกับคนอื่นๆทั่วไปอย่านำข้อด้อยทางกายภาพของตนมาเป็นข้อจำกัดในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตน สิ่งที่คนสายตาเลือนรางต้องทำคือมองหาความถนัด ความสามารถหรือความชอบของตนให้ชัดเจน และศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาทักษะของตนเองให้เต็มที่ ความรู้ต่างๆสามารถหาได้จากหลายแหล่ง เช่น เรียนรู้จากครู อาจารย์ สถาบันการศึกษา เพื่อน บุคคลในครอบครัวที่มีความถนัดในเรื่องนั้นๆ หรือจากทางสื่อออนไลน์ที่มีอยู่อย่างหลากหลาย เพื่อให้ตนเองเกิดทักษะในงานที่ตนชอบและสนใจ จนสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพ เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้
ผู้เขียนเอง จากอดีตนักดนตรีที่เป็นคนสายตาปกติ ทำงานด้านดนตรีควบคู่กับการเรียนหนังสือที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงอายุ 16-18 ปี เกิดอาการเจ็บป่วยทางด้านสายตาหลังจากรักษาหายแล้วแต่ไม่สามารถกลับมามองเห็นได้ชัดเจนดังเดิม แพทย์ผู้รักษาได้ลงความเห็นว่าเกิดการสูญเสียการมองเห็นไป 70 % ส่งผลให้จากคนที่มีสายตาปกติกลายเป็นคนที่มีบัตรคนพิการอันเนื่องมาจากภาวะการมองเห็นอย่างเลือนราง ในช่วงแรก เสียใจ หดหู่ สิ้นหวัง ท้อแท้และหลบหนีสังคม ทิ้งความฝันในการเรียนการเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถของตน ผู้เขียนเสียเวลาให้กับความหดหู่ เสียใจเกือบหนึ่งปี จึงได้เริ่มปรับตัวและกลับมาใช้ชีวิตเข่นคนปกติ โดยดูว่าตนเองยังมีความสามารถทำอะไรได้บ้าง งานดนตรีที่ตนเองรัก ยังทำได้หรือไม่ ก็พบว่าตัวผู้เขียนเองยังสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างได้เข่นเดิม งานดนตรียังเล่นเครื่องดนตรี เช่น กีตาร์ กลอง อื่นๆ ได้ดังเดิมแต่แค่การปรับวิธีการอ่านโน้ตมาเป็นการฟังเสียง งานด้านคอมพิวเตอร์ กราฟฟิค การตัดต่อภาพ ก็สามารถทำได้ โดยหาตัวช่วย เช่นแว่นสายตาเลนส์พิเศษ แว่นขยายแบบต่างๆๆ เป็นตัวช่วยที่ทำให้การทำงานง่ายขึ้น ปัจจุบันนี้ผู้เขียนสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและมีคุณค่าในตนเองเช่นเดียวกับผู้อื่น แม้จะมีบางครั้งที่เกิดปัญหา เกิดอุปสรรคระหว่างการดำเนินชีวิต ผู้เขียนใช้ความอดทนและความเข้าใจในหลักธรรมชาติของการเกิดมาเป็นมนุษย์ว่าย่อมมีปัญหาต่างๆมากระทบเป็นเรื่องปกติ ขอเพียงเราไม่ยอมแพ้ ใช้สติปัญญาค่อยๆแก้ปัญหาเราก็จะผ่านเรื่องแย่ๆไปได้
ผู้เขียนมีความชัดเจนในการดำเนินชีวิตตามเป้าหมายที่ตนวางไว้ ปัจจุบัน เป้าหมายของผู้เขียนมีเพิ่มมากขึ้นตามความสนใจและตามสิ่งที่คิดว่าเหมาะสมกับตนเอง ผู้เขียนอยากเป็นนักเขียนนักประพันธ์ และผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ชาติไทย จึงได้ลงทะเบียนเรียนระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คณะไทยคดีศึกษา และเป้าหมายอีกหนึ่งอย่างของผู้เขียนคือการเป็นนักเล่นหุ้น เพราะผู้เขียนมองว่าในอนาคตงานที่หนักและไม่มีอิสระในด้านเวลาอาจจะไม่เหมาะกับผู้มีปัญหาด้านสายตาเช่นผู้เขียน ผู้เขียนได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่องการเล่นหุ้นจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆเช่น หนังสือ กลุ่ม เพจ สื่อออนไลน์ ฯลฯ ผู้เขียนได้เปิดพอร์ตหุ้น และได้อยู่ในวงการหุ้น มา 2-3 ปี สิ่งที่ได้เรียนรู้อีกอย่างจากการเล่นหุ้นคือการมีวิสัยทัศน์ ที่กว้างไกล การไม่ประมาท และมีแผนการรองรับความผิดพลาดที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอจากการลงทุนที่ย่อมมีความเสี่ยงแบบนี้ ปัจจุบันผู้เขียนมีความสุขในการได้ทำในสิ่งที่ตนเองรักและการได้เดินทางตามเป้าหมายของชีวิตที่ตนเองวางไว้
จากข้อความที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่าการวางเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นบุคคลปกติทั่วไปหรือบุคคลที่มีปัญหาภาวะสายตาเลือนราง โดยเฉพาะบุคคลที่มีภาวะสายตาเลือนรางอย่าให้ความเลือนรางของสายตามาทำให้เป้าหมายในชีวิตของเราไม่ชัดเจน ดังคำปณิธานที่ว่า “ฉันจะทำชีวิตให้ชัดเจน แม้จะอยู่ในโลกแห่งความเลือนราง” หากเราสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดที่ทำให้เรามีปัญหาเหล่านี้ไปได้ จะทำให้เรามองเห็นถึงคุณค่าในตนเอง ยอมรับในตัวตนของตนเอง สร้างโอกาสที่ดีในชีวิตให้ตนเองได้ ทำตามความฝันของตนได้อย่างมีความสุข สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเป็นแรงใจและแรงผลักดันให้เราสู้ต่อไป ขอสังคมให้โอกาสและช่วยส่งเสริมให้บุคคลผู้มีภาวะสายตาเลือนราง สามารถดำรงชีวิตตามความฝันตามเป้าหมายของตนและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข เพื่อให้เขาสามารถช่วยเหลือตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติต่อไปได้ในอนาคต




ความคิดเห็น