top of page

รางวัลชนะเลิศ การประกวดเรียงความ หัวข้อ มุมมองและทัศนคติของฉันที่มีต่อคนสายตาเลือนราง

โครงการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้เนื่องในโอกาสจัดตั้งวันคนสายตาเลือนราง ประจำปี ๒๕๖๔ ประเภทบุคคลทั่วไป ได้แก่ นางอัจจชิญา สงวนศรีพิสุทธิ์


ree


แสงสว่างในม่านหมอก

เขียนโดย “อัจจชิญา สงวนศรีพิสุทธิ์

“นักเรียนทุกคนอ่านตัวหนังสือบนกระดานดำตามครู พร้อมกันค่ะ” เสียงคุณครูประถมศึกษา ที่กำลังสอนนักเรียนดังเจื้อยแจ้วออกมานอกตัวอาคารโรงเรียนเรือนไม้สองชั้น ที่มีสภาพเก่าคร่ำคร่า ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ยิ่งในเวลายามปลายฝนต้นหนาวด้วยแล้ว เสียงลมที่พัดผ่านยอดต้นข้าว พลิ้วไหวโอนเอนกระทบเสียดสีกันไปมาดั่งเสียงดนตรีบรรเลงจากพระแม่โพสพนั้น กลับกลายเป็นท่วงทำนองรับขับขาน เสียงอ่านของเด็กน้อยที่ฉันรับรู้ได้ด้วยดวงตาและดวงใจ

“สวัสดีค่ะ ท่านศึกษานิเทศก์ ยินดีต้อนรับค่ะ” เสียงของสตรีในชุดเสื้อกระโปรงสีกากี วัยสี่สิบปี เธอเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดเล็กแห่งนี้กำลังเดินออกมาทักทายส่งยิ้มแย้มมาแต่ไกล แต่สำหรับฉันแล้ววันนี้ฉันจะต้องมานิเทศตามแผนการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการเรียนของนักเรียนและการสอน ของคุณครูไปพร้อมกัน

แต่ละห้องเรียนที่ฉันเข้าไปสังเกตการสอนของคุณครูและการเรียนของนักเรียนแล้ว ทุกอย่าง ก็เป็นไปด้วยดี จนมาถึงห้องประถมศึกษาปีที่สาม สายตาของฉันก็สังเกตเห็นว่ามีนักเรียนหญิงผู้หนึ่ง อายุ 9 ขวบ รูปร่างผอมบางนั่งก้มหน้าอยู่ริมหน้าต่างหลังห้องเรียน ในขณะที่เพื่อนนักเรียนคนอื่น กำลัง เขียนด้วยดินสอลงในสมุดและคัดลอกตัวอักษรบนกระดานกันอยู่อย่างขะมักเขม้น

“น้องเขาเป็นอะไรหรือคะ” ฉันถามคุณครูประจำห้องเรียนด้วยความสงสัยในความแตกต่าง จากคนอื่น

“น้องเมย์ สายตาไม่ปกติมองตัวหนังสือบนกระดานไม่ค่อยเห็นค่ะ” เสียงตอบจากคุณครูสาวเหมือนเป็นเรื่องปกติ “ครูก็เลยให้น้องเขาไปนั่งอยู่หลังห้องและฟังการสอนแทนค่ะ”

แต่สำหรับฉันในเวลานี้รู้สึกว่าไม่ปกติเสียแล้ว ฉันค่อยๆ เดินเข้าไปหาน้องเมย์อย่างใจจดใจจ่อเหมือนกับคนที่กำลังอยากรู้อยากเห็นว่า”ในกล่องของขวัญใบนี้มีอะไรอยู่ข้างในนะ”

“น้องเมย์จ๊ะ” เสียงเรียกทักทายของฉัน ทำให้เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองดวงหน้าของฉัน แล้วฉันต้องประหลาดใจที่ดวงตาของน้องเมย์ก็ดูเหมือนปกติ แล้วฉันลองแบมือของฉันให้น้องเมย์มอง แล้วถามเธอว่า “น้องเมย์มองเห็นนิ้วมือข้างหน้ากี่นิ้วคะ”

น้องเมย์นั่งนิ่งสักครู่แล้วตอบว่า “หนูมองไม่ชัด มองเห็นเลือนรางเหมือนมีผ้าขาวบังไว้ ไม่แน่ใจว่า ที่เห็นนั้นเป็นสี่ หรือห้านิ้วกันแน่ค่ะ” แล้วเธอก็ค่อยๆ ก้มหน้าลงอีกครั้ง

ในเวลานั้นฉันบอกกับตัวเองว่า “ฉันจะไม่ยอมให้น้องเมย์ต้องมีชีวิตอย่างนี้ ฉันจะต้องหาทางออก ให้เธอดั่งแสงสว่างส่องทางให้ชัดเจนหลุดพ้นจากม่านหมอกนี้ให้จงได้”

ในค่ำคืนของวันนั้น ฉันใช้คอมพิวเตอร์สืบค้นคำว่า “สายตาเลือนราง” คืออะไร แล้วข้อมูลก็หลั่งไหลพรั่งพรูมาตกผลึกของคำตอบที่ว่า “สายตาเลือนรางนั้นเป็นอาการทางสายตาที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ด้วยการสวมแว่นตาธรรมดา หรือใช้ Contact lens ใช้เลเซอร์ รับประทานยาหรือการผ่าตัด เนื่องจากดวงตานั้นเป็นโรคต้อหิน โรคจอประสาทตาเสื่อมหรือระบบประสาท ซึ่งจะมีผลกระทบทำให้การมองเห็นพร่ามัว ไม่ชัดเจน และกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ป่วยนั้น”

ฉันรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของอาการสายตาเลือนราง เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้เสียแล้ว

“การช่วยเหลือแก่ผู้มีสายตาเลือนรางในเวลานี้คงเป็นการฟื้นฟูตามสภาพด้วยวิธีการฟื้นฟู ทางการมองเห็น (Vision Rehabilitation) การฝึกฝนรับรู้สภาพสิ่งแวดล้อมและการเคลื่อนไหว (Orientation & Mobility ) การทำกิจวัตรประจำวัน (Activity of Daily Living : ADL)การฟื้นฟูอาชีพ การศึกษาและการอยู่ร่วมในสังคม”

แล้วน้องเมย์ล่ะ ฉันจะช่วยเหลือเธอได้อย่างไร เธออายุยังน้อยและอนาคตอีกยาวไกลจะทำอย่างไรดี จะต้องมีทางออกสำหรับนางฟ้าน้อยของฉันคนนี้

แสงอรุณของยามเช้าเริ่มทอแสงบนท้องฟ้าแล้ว ฉันบอกกับตัวเองว่าวันนี้ฉันจะพาน้องเมย์ ไปพบจักษุแพทย์ทันที สายตาของฉันมองดูเข็มนาฬิกาที่เดินบนหน้าปัดไม่ต่างจากก้าวเดินที่ฉันจะพาน้องเมย์ไปหาความหวังที่เหมือนแสงสว่างของชีวิตใหม่ภายในวันนี้

“น้องเมย์อยู่ไหมจ๊ะ” เสียงเรียกของฉันขณะยืนอยู่หน้าบ้านไม้เก่าชั้นเดียวปลูกอยู่กลางทุ่งนา สักพักเสียงเปิดประตูพร้อมร่างของคุณป้าวัยห้าสิบปี ผมดำแซมขาวกับน้องเมย์ดวงหน้าที่มีรอยยิ้มเดินออกมา ฉันเล่าเรื่องราวที่จะพาน้องเมย์ไปพบจักษุแพทย์เพื่อทำการรักษาดวงตาและขออนุญาตจากคุณป้าผู้ดูแลน้องเมย์ ด้วยความปรารถนาดีต่อเด็กน้อย ฉันรอคอยคำตอบจากทั้งสองคนอย่างใจจดใจจ่อ

“หนูจะไปหาคุณหมอกับคุณครูค่ะ” เสียงตื่นเต้นดีใจของน้องเมย์ทำให้คุณป้ายินดีกับหลานรัก รวมถึงฉันด้วย บัดนี้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้เริ่มเจิดจ้าขึ้นมาแล้ว

ในโรงพยาบาลแห่งนั้น แม้เวลาที่ผ่านพ้นไปจะรู้สึกถึงความเนิ่นนานเพียงไรก็ตาม แต่นับว่าพวกเราโชคดีที่ได้พบจักษุแพทย์ท่านหนึ่ง ที่มีน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเมตตาต่อผู้ป่วย ที่รับรู้ต่อความรู้สึกถึงความทุกข์ภายในจิตใจและเข้าใจต่อคนสายตาเลือนราง แม้กระทั่งพวกเราก็สามารถรู้สึกรับรู้ได้เหมือนว่า คุณหมอ ได้ยื่นมือมาช่วยจูงมือน้องเมย์ให้ออกมาจากม่านหมอกได้แล้ว คุณหมอพูดว่า “สายตาเลือนราง มีหลายประเภท บางคนเกิดจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ บางคนก็มีสายตาค่อยๆ เสื่อมไปทีละน้อย ตามอายุ ในคนกลุ่มสายตาเลือนรางบางรายก็รักษาได้ เช่น การฉีดยา เป็นต้น แต่บางรายก็รักษาไม่ได้ สำหรับน้องเมย์นี้ยังอายุยังน้อยอยู่ หมอจะนัดมาตรวจตาทุก 3 เดือนรวมถึงฟื้นฟูการมองเห็นกับ O&M และหมอจะให้น้องเมย์ได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกประเภทแว่นขยายตัวหนังสือเพื่อสะดวกในการอ่านหนังสือด้วยครับ” “ คำอธิบายของคุณหมอนอกจากจะรักษาทางกาย ทางจิตใจแล้วยังให้กำลังใจแก่ผู้ป่วย คนดูแลผู้ป่วยและฉันอีกด้วย”

ในมุมมองของฉันเห็นว่า คนสายตาเลือนรางแม้จะมีสายตาที่ผิดปกติแตกต่างไปจากคนทั่วไปก็ตาม แต่พวกเขายังมีสมอง สองมือและอวัยวะส่วนอื่นที่ยังสามารถสร้างสรรค์และสร้างประโยชน์คุณค่าแก่สังคม ไม่ว่าจะเป็นงานด้านศิลปกรรม ดนตรี สารสนเทศ คอมพิวเตอร์ กฎหมายและอื่นๆ ในปัจจุบันความก้าวหน้าของ IT และ Computer ก็ได้เข้ามาช่วยการทำงานของคนสายตาเลือนรางได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเสียงสังเคราะห์ Nvda , Zoomtext แม้กระทั่งเสียง Voiceover และโหมดแว่นขยายใน Smart Phone ซึ่งช่วยในการมองดูนั้นก็นับได้ว่า ทำให้คนสายตาเลือนรางสามารถก้าวข้ามพ้นขีดจำกัดของตนเองได้เปรียบเสมือน ”แสงสว่างในม่านหมอก” ค่ะ

 
 
 

ความคิดเห็น


สมาคมคนสายตาเลือนราง (ประเทศไทย)

ช่องทางการติดต่อ

135/111-115 อาคารมูลนิธิราชสุดา ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170

โทรศัพท์ : 080-230-1776 , 080-660-9929

โทรสาร : 02-800-2199

  • Facebook
  • Instagram
  • Youtube
  • Twitter
bottom of page